การฟื้นฟู บนถนน Azusa เหตุการณ์ที่โลก ต้องตกตะลึง !!
การฟื้นฟู ที่ถนน Azusa
พระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาสถิตที่ถนน Azusa อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่โลกตะลึง เมื่อวันที่ 9 เมษายน 1906 เกิดปรากฏการณ์พิเศษสุด การฟื้นฟูครั้งใหญ่ของบรรดาชาวคริสเตียน เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ เจิมลงมาเหนือกลุ่มคนซึ่งชุมนุมร่วมกัน ที่อาคารเลขที่ 312 ถนน Azusa ลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ศิษยาภิบาล วิลเลี่ยม เจ.ซีมัวร์ ชาวอัฟริกัน-อเมริกัน วัย 36 ปี มีดวงตาข้างเดียว เป็นผู้นำประชุมฟื้นฟูในครั้งนี้ ในการประชุม ...ผู้เข้าร่วมเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ การพูดภาษาแปลกๆ ที่ห่างหายไป กลับมาอีกเหมือนในพระธรรมกิจการบทที่ 2 ผู้คนมากมายจากที่ต่างๆ หลั่งไหลเข้าประชุมฟื้นฟูบนถนนสายนั้น ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นเวลา 3 ปี ติดต่อกัน (ค.ศ.1906- 1909) พวกเขาสัมผัสถึงความสดใหม่ในการรับใช้พระเจ้า ทั้งนิมิตรและเป้าหมาย และกลับมาสู่ความรักดั้งเดิมของพระองค์ วันเพ็นเทคอสต์ก่อนหน้านั้น ก่อนที่พระเยซูจะเสด็จขึ้นสวรรค์ พระองค์สั่งให้บรรดาสาวกอย่าไปไหน ให้รอรับฤทธิ์เดชเมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์เด็จมาเหนือพวกเขา (กิจการ 1 : 6-9) เมื่อเทศกาลเพ็นเทคอสต์มาถึง พระวิญญาณเสด็จมาสถิตเหนือพวกเขา เขาหล่านั้นประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ตั้งต้นพูดภาษาอื่นๆ ตามที่พระวิญญาณทรงโปรดให้พูด (กิจการ 2 : 1-4) ก่อนการฟื้นฟูใหญ่ในปี 1906 คริสเตียนที่สัตย์ซื่อในลอสแองเจลิส อธิษฐานขอประสบการณ์เหมือนที่ผู้เชื่อสมัยแรกได้รับ แม้จะมีคนเตือนว่า "เป็นความคิดที่ผิดมหันต์ที่อ้างว่า การฟื้นฟูเกิดจากใครคนใดคนหนึ่งในลอสแองเจลิส หรือมาจากคำอธิษฐาน หรือคำเทศนาของคนคนนั้น พระวิญญาณไม่ใช่จู่ๆ ก็หล่นลงมาจากสรรค์ พระเจ้าทรงสถืตอยู่กับเรามานาน ก่อนที่จะเทพระวิญญาณลงมา" แต่คริสเตียนเหล่านี้ยังคงอธิษฐาน และรอคอยการเสด็จมาของพระวิญญาณ ชาร์ลส์ ฟ็อกซ์ พาร์แฮม ผู้มีอิทธิพลต่อขบวนการ Pentecostal Movement เดือนมกราคม ปี 1901 ที่โรงเรียนสอนพระคัมภีร์บีเธล เมืองโทปีก้า รัฐแคนซัส หลังจากศึกษาพระคัมภีร์และอธิษฐาน นักเรียนหลายคนมีประสบการณ์ในการพูดภาษาแปลกๆ (glossolalia) มีบันทึกว่า แอ๊กเนส ออสแมน (ขวามือในภาพ) เป็นนักเรียนคนแรกที่มีประสบการณ์นี้ ตามด้วยนักเรียนคนอื่นๆ รวมทั้งชาร์ลส์ ฟ็อกซ์ พาร์แฮม (ซ้ายมือในภาพ) อาจารย์ที่สอน พาร์แฮมเรียกการพูดภาษาแปลกๆ ว่า "หลักฐานทางพระคัมภีร์ " จะเกิดขึ้นเมื่อได้รับบัพติศมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์ สิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความเชื่อให้กับเขา ว่าตรงตามพระคัมภีร์พูดไว้ วิลเลี่ยม เจ. ซีมัวร์ ท่องไปทั่วอเมริกา เพื่อแสวงหาสิ่งที่ดีกว่าในชีวิต วิลเลี่ยม เจ. ซีมัวร์ มาจากหลุยส์เซียน่า พ่อของเขาเคยเป็นทาสมาก่อน ชีวิตฝ่ายวิญญาณในวัยเด็กได้รับอิทธิพลจากนิกายโรมันคาทอลิก และแบ๊ปติส การท่องไปในโลกกว้าง ทำให้ซีมัวร์มีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระเยซู เขากลับใจใหม่เชื่อพระเจ้า ที่อินเดียน่าโพลิส และรับใช้อยู่ที่โบสถ์ Methodist Episcopal Church เทศนาสั่งสอนผู้คน ในระหว่างนั้นเกิดการระบาดของไข้ทรพิษ ซีมัวร์สูญเสียดวงตาไปหนึ่งข้างและหน้าตาเสียโฉม เพราะพิษไข้ทรพิษ เมื่อชาร์ลส์ พาร์แฮม ออกพันธกิจ ที่ฮุสตัน ซีมัวร์ได้เข้าร่วมการนมัสการ และฟังคำสอนของพาร์แฮม เพราะกฎหมายแบ่งแยกเชื้อชาติ ทำให้ซีมัวร์ต้องนั่งฟังคำสอนในห้องประชุม ในขณะที่พาร์แฮมและคนอื่นๆ ได้เทศนา และไม่ได้รับอนุญาตให้อธิษฐานร่วมกับคนอื่นๆ นั่นยิ่งกลับทำให้ซีมัวร์ร้อนรน
และแสวงหาพระเจ้ามากขึ้น พาร์แฮมบันทึกว่า ซีมัวร์ท่องจำพระวจนะได้แบบคำต่อคำ เพ็นเทคอสต์ มาที่แคลิฟอร์เนีย แม้ซีมัวร์ยังไม่ได้รับ
บัพติศมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่เขาเชื่อว่านี่มาจากพระคัมภีร์ และเทศนาเรื่องนี้อย่างร้อนรน สร้างความประทับใจให้กับนีลี่ เทอร์รี่ ชาวเมืองลอสแองเจลิส เป็นอันมาก เมื่อกลับจากฮุสตัน เทอร์รี่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ จูเลีย ฮัทชิน ศิษยาภิบาลโบสถ์ที่ลอสแองเจลิส ฟัง และเชิญ
ซีมัวร์มาเยือนโบสถ์ของพวกเธอ ซีมัวร์เดินทางมาถึงลอสแองเจลิส เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 1906 ซีมัวร์เทศนาเรื่องการไถ่บาป การรักษาโรคด้วยความเชื่อ การบัพติศมาในพระวิญญาณ เมื่อรับแล้วจะพูดภาษาแปลกๆ ออกมา ฮัทชิน ศิษยาภิบาลของโบสถ์ ไม่ยอมรับคำเทศนาของซีมัวร์ สองวันต่อมาเธอสั่งล็อคประตูโบสถ์ กันไม่ให้ซีมัวร์เข้าไปเทศนา คณะผู้ปกครองก็ไม่ยอมรับคำเทศนาของซีมัวร์ เช่นกัน เพราะสิ่งที่เทศนา เขายังไม่มีประสบการณ์ในพระวิญญาณ บางคนคิดว่าเขาควรเลิกเทศนาเรื่องนี้ได้แล้ว ท่ามกลางการถูกข่มเหง ซีมัวร์ยังคงแน่วแน่ ไม่หวั่นไหว เขากับกลุ่มคนที่พระเจ้าแตะต้องใจ ร่วมกันอธิษฐาน หลายคนได้รับนิมิตรว่าพระเจ้ากำลังจะเท พระวิญญาณลงมาในเมืองนี้ ทั้งหมดรวมกันที่บ้านเลขที่ 214 ถนนบอนนี่ แบร์ การประชุมฟื้นฟูเกิดขึ้น หลายคนได้รับบัพติศมาในพระวิญญาณ รวมทั้งเจนนี่ มัวร์ ซึ่งภายหลังเธอแต่งงานกับซีมัวร์ เจนนี่เป็นผู้หญิงคนแรกในเมือง ที่ได้รับบัพติศมาในพระวิญญาณ ต่อมาอีกไม่กี่วัน ในวันที่ 12 เมษายน 1906 หลังจากเทศนามาตลอดคืน ซีมัวร์ก็ได้รับบัพติศมาในพระวิญญาณ ย้ายไปรวมกันที่ถนน Azusa เมื่อคนมาร่วมมากขึ้น บ้านก็คับแคบไม่สะดวก ต้องขยายไปที่ลานบ้าน แต่ในไม่ช้าก็แน่นขนัดไปด้วยผู้คนที่เพิ่มเข้ามา คนในกลุ่มค้นพบอาคารเก่าไม่ได้ใช้งาน เลขที่ 312 ถนน Azusa ซึ่งเดิมใช้เป็นคอกม้า และเก็บหญ้าแห้ง การประชุมฟื้นฟูเกิดขึ้น พระวิญญาณเสด็จมาสถิตที่นั่น ภายในไม่กี่วัน หนังสือพิมพ์ลงข่าวการประชุมฟื้นฟู บนถนน Azusa และตีพิมพ์ข่าวนี้ไปทั่วอเมริกา และทั่วโลก คนมากมายหลายพันคน ทั้งผู้ใหญ่ เด็ก คนขาว คนดำ ทั้งยากจน ร่ำรวย หลากหลายเชื้อชาติ การศึกษา เข้าร่วมการประชุมนี้ หลังเหตุการณ์ที่ถนน Azusa พระวิญญาณบริสุทธิ์ที่เทลงมา บนถนนสายที่ชื่อ Azusa ทำให้คนจำนวนมากติดสนิทกับพระเจ้า หันมาสนใจศึกษาพระวจนะ กลับใจจากบาป มอบถวายชีวิตให้กับพระองค์ เขาเหล่านี้ได้รับบัพติศมาในพระวิญญาณ พระวิญญาณจะประทานกำลังให้กับพวกเขา หมายสำคัญและการอัศจรรย์ จะเกิดขึ้นท่ามกลางผู้ที่เชื่อ ตาบอดจะมองเห็น หูหนวกจะได้ยิน ตายแล้วจะฟื้น สิ่งเหล่านี้จะเป็นพยานถึงพระสิริและอำนาจของพระคริสต์ ปัจจุบันมีผู้เชื่อมากกว่า 500 ล้านคน ที่อยู่ในกลุ่ม Pentecost และ Charismatic กระจายอยู่ทั่วโลก อันเป็นผลจากการฟื้นฟูที่ถนน Azusa เมื่อ 100 ปีก่อน
จากคุณ : nawapol1 - [ 14 พ.ค. 50 15:58:49 ]
พระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาสถิตที่ถนน Azusa อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่โลกตะลึง เมื่อวันที่ 9 เมษายน 1906 เกิดปรากฏการณ์พิเศษสุด การฟื้นฟูครั้งใหญ่ของบรรดาชาวคริสเตียน เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ เจิมลงมาเหนือกลุ่มคนซึ่งชุมนุมร่วมกัน ที่อาคารเลขที่ 312 ถนน Azusa ลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ศิษยาภิบาล วิลเลี่ยม เจ.ซีมัวร์ ชาวอัฟริกัน-อเมริกัน วัย 36 ปี มีดวงตาข้างเดียว เป็นผู้นำประชุมฟื้นฟูในครั้งนี้ ในการประชุม ...ผู้เข้าร่วมเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ การพูดภาษาแปลกๆ ที่ห่างหายไป กลับมาอีกเหมือนในพระธรรมกิจการบทที่ 2 ผู้คนมากมายจากที่ต่างๆ หลั่งไหลเข้าประชุมฟื้นฟูบนถนนสายนั้น ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นเวลา 3 ปี ติดต่อกัน (ค.ศ.1906- 1909) พวกเขาสัมผัสถึงความสดใหม่ในการรับใช้พระเจ้า ทั้งนิมิตรและเป้าหมาย และกลับมาสู่ความรักดั้งเดิมของพระองค์ วันเพ็นเทคอสต์ก่อนหน้านั้น ก่อนที่พระเยซูจะเสด็จขึ้นสวรรค์ พระองค์สั่งให้บรรดาสาวกอย่าไปไหน ให้รอรับฤทธิ์เดชเมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์เด็จมาเหนือพวกเขา (กิจการ 1 : 6-9) เมื่อเทศกาลเพ็นเทคอสต์มาถึง พระวิญญาณเสด็จมาสถิตเหนือพวกเขา เขาหล่านั้นประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ตั้งต้นพูดภาษาอื่นๆ ตามที่พระวิญญาณทรงโปรดให้พูด (กิจการ 2 : 1-4) ก่อนการฟื้นฟูใหญ่ในปี 1906 คริสเตียนที่สัตย์ซื่อในลอสแองเจลิส อธิษฐานขอประสบการณ์เหมือนที่ผู้เชื่อสมัยแรกได้รับ แม้จะมีคนเตือนว่า "เป็นความคิดที่ผิดมหันต์ที่อ้างว่า การฟื้นฟูเกิดจากใครคนใดคนหนึ่งในลอสแองเจลิส หรือมาจากคำอธิษฐาน หรือคำเทศนาของคนคนนั้น พระวิญญาณไม่ใช่จู่ๆ ก็หล่นลงมาจากสรรค์ พระเจ้าทรงสถืตอยู่กับเรามานาน ก่อนที่จะเทพระวิญญาณลงมา" แต่คริสเตียนเหล่านี้ยังคงอธิษฐาน และรอคอยการเสด็จมาของพระวิญญาณ ชาร์ลส์ ฟ็อกซ์ พาร์แฮม ผู้มีอิทธิพลต่อขบวนการ Pentecostal Movement เดือนมกราคม ปี 1901 ที่โรงเรียนสอนพระคัมภีร์บีเธล เมืองโทปีก้า รัฐแคนซัส หลังจากศึกษาพระคัมภีร์และอธิษฐาน นักเรียนหลายคนมีประสบการณ์ในการพูดภาษาแปลกๆ (glossolalia) มีบันทึกว่า แอ๊กเนส ออสแมน (ขวามือในภาพ) เป็นนักเรียนคนแรกที่มีประสบการณ์นี้ ตามด้วยนักเรียนคนอื่นๆ รวมทั้งชาร์ลส์ ฟ็อกซ์ พาร์แฮม (ซ้ายมือในภาพ) อาจารย์ที่สอน พาร์แฮมเรียกการพูดภาษาแปลกๆ ว่า "หลักฐานทางพระคัมภีร์ " จะเกิดขึ้นเมื่อได้รับบัพติศมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์ สิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความเชื่อให้กับเขา ว่าตรงตามพระคัมภีร์พูดไว้ วิลเลี่ยม เจ. ซีมัวร์ ท่องไปทั่วอเมริกา เพื่อแสวงหาสิ่งที่ดีกว่าในชีวิต วิลเลี่ยม เจ. ซีมัวร์ มาจากหลุยส์เซียน่า พ่อของเขาเคยเป็นทาสมาก่อน ชีวิตฝ่ายวิญญาณในวัยเด็กได้รับอิทธิพลจากนิกายโรมันคาทอลิก และแบ๊ปติส การท่องไปในโลกกว้าง ทำให้ซีมัวร์มีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระเยซู เขากลับใจใหม่เชื่อพระเจ้า ที่อินเดียน่าโพลิส และรับใช้อยู่ที่โบสถ์ Methodist Episcopal Church เทศนาสั่งสอนผู้คน ในระหว่างนั้นเกิดการระบาดของไข้ทรพิษ ซีมัวร์สูญเสียดวงตาไปหนึ่งข้างและหน้าตาเสียโฉม เพราะพิษไข้ทรพิษ เมื่อชาร์ลส์ พาร์แฮม ออกพันธกิจ ที่ฮุสตัน ซีมัวร์ได้เข้าร่วมการนมัสการ และฟังคำสอนของพาร์แฮม เพราะกฎหมายแบ่งแยกเชื้อชาติ ทำให้ซีมัวร์ต้องนั่งฟังคำสอนในห้องประชุม ในขณะที่พาร์แฮมและคนอื่นๆ ได้เทศนา และไม่ได้รับอนุญาตให้อธิษฐานร่วมกับคนอื่นๆ นั่นยิ่งกลับทำให้ซีมัวร์ร้อนรน
และแสวงหาพระเจ้ามากขึ้น พาร์แฮมบันทึกว่า ซีมัวร์ท่องจำพระวจนะได้แบบคำต่อคำ เพ็นเทคอสต์ มาที่แคลิฟอร์เนีย แม้ซีมัวร์ยังไม่ได้รับ
บัพติศมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่เขาเชื่อว่านี่มาจากพระคัมภีร์ และเทศนาเรื่องนี้อย่างร้อนรน สร้างความประทับใจให้กับนีลี่ เทอร์รี่ ชาวเมืองลอสแองเจลิส เป็นอันมาก เมื่อกลับจากฮุสตัน เทอร์รี่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ จูเลีย ฮัทชิน ศิษยาภิบาลโบสถ์ที่ลอสแองเจลิส ฟัง และเชิญ
ซีมัวร์มาเยือนโบสถ์ของพวกเธอ ซีมัวร์เดินทางมาถึงลอสแองเจลิส เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 1906 ซีมัวร์เทศนาเรื่องการไถ่บาป การรักษาโรคด้วยความเชื่อ การบัพติศมาในพระวิญญาณ เมื่อรับแล้วจะพูดภาษาแปลกๆ ออกมา ฮัทชิน ศิษยาภิบาลของโบสถ์ ไม่ยอมรับคำเทศนาของซีมัวร์ สองวันต่อมาเธอสั่งล็อคประตูโบสถ์ กันไม่ให้ซีมัวร์เข้าไปเทศนา คณะผู้ปกครองก็ไม่ยอมรับคำเทศนาของซีมัวร์ เช่นกัน เพราะสิ่งที่เทศนา เขายังไม่มีประสบการณ์ในพระวิญญาณ บางคนคิดว่าเขาควรเลิกเทศนาเรื่องนี้ได้แล้ว ท่ามกลางการถูกข่มเหง ซีมัวร์ยังคงแน่วแน่ ไม่หวั่นไหว เขากับกลุ่มคนที่พระเจ้าแตะต้องใจ ร่วมกันอธิษฐาน หลายคนได้รับนิมิตรว่าพระเจ้ากำลังจะเท พระวิญญาณลงมาในเมืองนี้ ทั้งหมดรวมกันที่บ้านเลขที่ 214 ถนนบอนนี่ แบร์ การประชุมฟื้นฟูเกิดขึ้น หลายคนได้รับบัพติศมาในพระวิญญาณ รวมทั้งเจนนี่ มัวร์ ซึ่งภายหลังเธอแต่งงานกับซีมัวร์ เจนนี่เป็นผู้หญิงคนแรกในเมือง ที่ได้รับบัพติศมาในพระวิญญาณ ต่อมาอีกไม่กี่วัน ในวันที่ 12 เมษายน 1906 หลังจากเทศนามาตลอดคืน ซีมัวร์ก็ได้รับบัพติศมาในพระวิญญาณ ย้ายไปรวมกันที่ถนน Azusa เมื่อคนมาร่วมมากขึ้น บ้านก็คับแคบไม่สะดวก ต้องขยายไปที่ลานบ้าน แต่ในไม่ช้าก็แน่นขนัดไปด้วยผู้คนที่เพิ่มเข้ามา คนในกลุ่มค้นพบอาคารเก่าไม่ได้ใช้งาน เลขที่ 312 ถนน Azusa ซึ่งเดิมใช้เป็นคอกม้า และเก็บหญ้าแห้ง การประชุมฟื้นฟูเกิดขึ้น พระวิญญาณเสด็จมาสถิตที่นั่น ภายในไม่กี่วัน หนังสือพิมพ์ลงข่าวการประชุมฟื้นฟู บนถนน Azusa และตีพิมพ์ข่าวนี้ไปทั่วอเมริกา และทั่วโลก คนมากมายหลายพันคน ทั้งผู้ใหญ่ เด็ก คนขาว คนดำ ทั้งยากจน ร่ำรวย หลากหลายเชื้อชาติ การศึกษา เข้าร่วมการประชุมนี้ หลังเหตุการณ์ที่ถนน Azusa พระวิญญาณบริสุทธิ์ที่เทลงมา บนถนนสายที่ชื่อ Azusa ทำให้คนจำนวนมากติดสนิทกับพระเจ้า หันมาสนใจศึกษาพระวจนะ กลับใจจากบาป มอบถวายชีวิตให้กับพระองค์ เขาเหล่านี้ได้รับบัพติศมาในพระวิญญาณ พระวิญญาณจะประทานกำลังให้กับพวกเขา หมายสำคัญและการอัศจรรย์ จะเกิดขึ้นท่ามกลางผู้ที่เชื่อ ตาบอดจะมองเห็น หูหนวกจะได้ยิน ตายแล้วจะฟื้น สิ่งเหล่านี้จะเป็นพยานถึงพระสิริและอำนาจของพระคริสต์ ปัจจุบันมีผู้เชื่อมากกว่า 500 ล้านคน ที่อยู่ในกลุ่ม Pentecost และ Charismatic กระจายอยู่ทั่วโลก อันเป็นผลจากการฟื้นฟูที่ถนน Azusa เมื่อ 100 ปีก่อน
จากคุณ : nawapol1 - [ 14 พ.ค. 50 15:58:49 ]
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น